ทว่าท้ายที่สุดต่อให้จะเก่งมาจากไหน ก็แพ้หัวใจอย่างเธอได้ทุกทีม เพราะบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ ก็เคยเปิดหัวซีซั่นได้อย่างสุดห่วยจนแฟนบอลหาปี๊ปแทบไม่ทันกันมาแล้วทั้งนั้น โดยแต่ละทีมเคยอับอายเพราะว่าอะไรกันมาแล้วบ้างนั้น ไปตามอ่านกันต่อได้เลยครับ

อาร์เซนอล (Arsenal)

ฤดูกาล 2013/14

ทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ ได้โอกาสเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ แอสตัน วิลล่า ซึ่งพวกเขาขึ้นนำตั้งแต่หัววันจาก โอลิวิเยร์ ชิรูด์ แต่นั่นเหมือนเป็นการหลอกให้แฟนบอลฝันหวานกันชัด ๆ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ คริสเตียน เบนเทเก้ ยิงคนเดียว 2 ประตูให้ทัพ ‘สิงห์ผงาด’ พลิกขึ้นนำ ซึ่งเรื่องร้ายมันยังไม่จบเพราะว่า โลรองต์ กอสเซียลนี่ กัปตันทีมในขณะนั้น ก็ทำงามไส้เมื่อโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม ก่อนที่ วิลล่า จะมาได้ประตูปิดกล่องในช่วงท้ายเกมแบบชนิดที่ไม่เกรงใจเจ้าของถ้วยทองเลย

เชลซี (Chelsea)

ฤดูกกาล 2015/16

อันที่จริงการแพ้ เบิร์นลี่ย์ ในปี 2017 ก็เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะโสภาเท่าไหร่นะ แต่ว่าการเสมอกับ สวอนซี ในเกมนี้นั้นเต็มไปด้วยภาพที่ไม่งามมากกว่า

ที่ต้องบอกแบบนั้นก็เพราะว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมันเกิดขึ้นหลังจากที่ฤดูกาลก่อนหน้านั้น พวกเขาเพิ่งเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซึ่งความหวังที่จะรักษามันไว้ได้ดับลงตั้งแต่เกมแรกเมื่อ ติโบต์ กูร์กตัวส์ โดนใบแดงในวันเกิดของตัวเอง และเลวร้ายที่สุดคือ โชเซ่ มูรินโญ่ มีประเด็นเดือดกับคุณหมอเอวาร์คนสวย ก่อนที่หลังจากนั้นอีกไม่นาน กุนซือชาวโปรตุเกส ก็ต้องเด้งจากเก้าอี้กุนซือไป

ลิเวอร์พูล (Liverpool)

ฤดูกาล 2012/13

ตอนนั้นทัพ ‘หงส์แดง’ เพิ่งเปลี่ยนผู้จัดการทีมจาก เคนนี่ ดัลกลิช มาเป็น เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ที่มาพร้อมกับปรัชญาที่อยากจะครองบอลแบบ ‘ติกี้ตาก้า’ แต่ผลที่ได้กลับเป็น ‘ตะกุกตะกัก’ 

เพียงแค่เกมแรกของกุนซือชาวสกอตแลนด์ ก็ทำเอาแฟนบอลท้อได้เลย เมื่อโดนทีมอย่าง เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ถล่มไปขาดลอย 3-0 หนำซ้ำคนทำประตูปิดกล่องก็คือกองหน้าร่างตู้เย็นอย่าง โรเมลู ลูกากู และถ้าคิดว่าในเกมที่ได้กลับมาเล่นใน แอนฟิลด์ แล้ว ลิเวอร์พูล จะล้างแค้นได้ล่ะก็ บอกเลยว่าคุณคิดผิด เพราะโดนทีมท้ายตารางทีมนี้ไปอีก 2 เม็ด แบบแทบจะแหวกแผ่นดินหนี

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City)

ฤดูกาล 2008/09

อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะสถานะของพวกเขาในขณะนั้นยังเป็นเพียงทีมกลางตาราง สลับกับลงไปเล่นในลีกล่างเป็นระยะ 

ไฮไลท์ฺสำคัญของเกมนี้คือคนที่ทำให้พวกเขาต้องพ่ายแพ้คือ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ที่ปัจจุบันเป็นนักวิจารณ์ปากแซบ เป็นผู้ทำแฮททริคในวันนั้น แต่นั่นก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องดี ๆ เนื่องจากเกมนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ ชีค มันซู เข้ามาเป็นเจ้าของไม่กี่สัปดาห์ แล้วหลังจากนั้นพวกเขาก็สร้างประวัติศาสตร์ ได้แบบไม่มีใครจะกล้าปรามาศได้อีกต่อไป

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United)

ฤดูกาล 2014/15

สาวก ‘ปีศาจแดง’ เพิ่งผิดหวังจากการที่สโมสรเลือก เดวิด มอยส์ มาแทน ‘ป๋าเฟอร์กี้’ ซึ่งคนที่หวังจะให้กอบกู้อย่าง หลุยส์ ฟานกาล ก็แสดงให้เห็นถึงความห่วยต่อเนื่องตั้งแต่ต้น

กุนซือชาวดัตช์ มีโอกาสประเดิมเกมทางการใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งเขาก็ได้เนรมิตรให้เป็น รีสอร์ต แอนด์ สปา ตั้งแต่ต้น เมื่อเล่นด้วยปรัชญาชวนง่วง แล้วต้องแพ้ต่อทีมโซนล่างอย่าง สวอนซี ไป 1-2 เดชะบุญที่สุดท้ายยังจบฤดูกาลด้วยการติดท็อปโฟร์ได้สำเร็จ

นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (Newcastle United)

ฤดูกาล 2013/14

อย่างที่ทราบกันดีว่าก่อนหน้านี้ทัพ ‘สาลิกาดง’ เป็นเพียงทีมเก่าแก่ แต่ก็ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าไหร่นัก ทว่าการจะประเดิมฤดูกาลด้วยการแพ้ 4-0 มันก็ชอกช้ำระกำใจเกินไป

ลำพังแค่ชื่อชั้นนักเตะมันก็สู้กันไม่ได้อยู่แล้ว หนำซ้ำ สตีเว่น เทย์เลอร์ ยังไปเล่นนอกเกมใส่ กุน อเกวโร่ จนต้องถูกไล่ออกจากสนาม โดยเรื่องดีในเกมนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือ ทิม ครูล องค์ลง ไม่อย่างนั้นคงแพ้ขาดกว่านี้

ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (Tottenham Hotspur)

ฤดูกาล 2007/08

คุณอาจจะแพ้ใครก็ได้ในวันเปิดฤดูกาล แต่ไม่ใช่กับทีมเพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาอย่าง ซันเดอร์แลนด์ จากประตูในช่วงท้ายเกมของ ไมเคิล โชปร้า นักฟุตบอลที่โลกคงจะลืมไปแล้ว

ฝั่ง สเปอร์ส นั้นไม่น่าเชื่อว่า ทีมที่มีกองหน้าอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ จับคู่กับ ร็อบบี้ คีน จะไม่สามารถทำอะไรฝั่ง ‘แมวดำ’ ได้แม้แต่ลูกเดียว อย่างไรก็ตามฤดูกาลนั้นพวกเขาก็จบลงด้วยการเป็นแชมป์ ลีกคัพ ซึ่งถือว่าเป็นถ้วยใบสุดท้ายของพวกเขา และยังไม่รู้ว่าจะได้ลิ้มรสกับความสำเร็จอีกครั้งเมื่อไหร่

โดยหลังจากนี้อีกแค่ไม่กี่อึดใจ พรีเมียร์ลีก จะกลับมาลงแข่งขันอีกครั้ง ซึ่งแต่ละทีมจะประเดิมเกมแรกได้แบบสดใส หรือห่วยกว่าที่เรายกมา ก็รอลุ้นได้เลยตั้งแต่คืนวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคมนี้ เป็นต้นไป